หลายคนคงจำได้ว่า เราได้ศึกษาอุปมา เคยเป็นภาษาไทยในสมัยมัธยมต้น แต่เป็นการอุปมาอุปมัยอย่างหนึ่งในลักษณะโวหารของคำว่ารูปภาพ ครูจะอธิบายให้คุณฟังเสมอว่า คำอุปมาเปรียบเสมือนอุปมา คำอุปมาเปรียบเสมือน “เป็น” หรือ “เป็น” เช่น “ทหารคือรั้วของชาติ” หลายคนจึงเข้าใจว่า คำอุปมานี้ใช้เฉพาะในวรรณคดีหรือวรรณคดีเท่านั้น อุปลักษณ์คือ แต่ที่จริงแล้ว เราใช้อุปมาอุปมัยในชีวิตประจำวัน เช่น “คุณนอกใจฉัน ตอนนี้ใจฉันแทบแตกสลาย” “โอกาสในการเรียนแล้วต้องได้รับความรู้ให้มากที่สุด”
ที่หลายคนอาจไม่เคยคิดว่าประโยคที่เราใช้ประจำมีอุปมา หากพิจารณาแล้วจะพบว่าคำว่า “นอก” ซึ่งใช้ในด้านการสร้างและคำว่า “แตก”, “แตกเป็นเสี่ยง” ซึ่งเป็นคำที่ใช้ในวงกลมของภาชนะที่เป็นของแข็งเช่นแก้วใช้เปรียบเทียบกับ “หัวใจ” ” ซึ่งเป็นอวัยวะอย่างหนึ่งในร่างกายที่ดูไม่เหมือนสถานที่หรือภาชนะแข็ง
ตัวอย่างที่สอง เป็นประโยคที่นักเรียน อุปลักษณ์คือ นักเรียนมักจะได้ยินเมื่อผู้ใหญ่สอน หรือในพิธีปฐมนิเทศ เป็นประโยคที่เรารู้ว่าเราใช้คำอุปมาว่า “ตัก” “วัด” ซึ่งเป็นกริยาที่หมายถึง การนำภาชนะ ช้อน หรือสิ่งของที่ใช้รองรับคนมาใช้ หมายถึง ช้อนหรือรองรับ “ความรู้” ซึ่ง เป็นแนวคิดเชิงนามธรรมที่ไม่สามารถวัด วัด ตักหรือวัดได้
อธิบายเพิ่มเติมว่ากรอบประสบการณ์ความคิดเชิงนามธรรมที่เกิดขึ้นใหม่ทั้งหมดถูกรวบรวมผ่านเครือข่ายอุปมาอุปมัยเพื่อสร้างรูปแบบการคิด ดังนั้น อุปลักษณ์คือ หน้าที่หลักของอุปมาคือการเชื่อมต่อรูปแบบความคิดเชิงนามธรรมกับรูปแบบความคิดทางกายภาพผ่านตัวดำเนินการทางจิต จิตรกรรม คือ ประสบการณ์แต่ละประเภทมาจากปฏิสัมพันธ์ของเรากับโลกรอบตัวเรา ดังนั้นอุปมาจึงเชื่อมโยงรูปแบบความคิดเข้ากับความรู้สึกและประสบการณ์
หรือภูมิภาค ดังนั้น แบบจำลองแนวคิดของโดเมนเป้าหมายจึงสามารถพบได้ผ่านประสบการณ์ทางกายภาพ (ประสบการณ์ทางกายภาพและอวกาศ) อุปลักษณ์คือ อันเป็นผลมาจากรูปแบบการคิดขั้นพื้นฐาน อุปมาทุกประการมีจุดประสงค์พื้นฐาน เนื้อหาและระบบที่เชื่อมโยงแนวคิดทั้งสองและกระบวนการเปลี่ยนผ่านระหว่างแนวคิดเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างมิติต่างๆ โครงสร้างหลายมิติจากแนวคิดต้นทางเชื่อมโยงกับโครงสร้างอื่นที่ประกอบเป็นทฤษฎีเป้าหมายของระบบ เป็นมโนทัศน์ที่กลายมาเป็นที่มาของอุปมาอุปไมยเราต้องเข้าใจแนวคิดนั้น โดยไม่ต้องแยกคำอุปมา
จากข้อมูลดังกล่าว สรุปได้ว่าเป็นคำหรือประโยคที่ใช้เปรียบเทียบสิ่งหนึ่งกับอีกสิ่งหนึ่ง คำอุปมามี 3 ระดับ
ชี้ให้เห็นว่าระหว่างสองแนวคิดที่เชื่อมโยงกัน ควรมีความเชื่อมโยงเชิงโครงสร้างในประสบการณ์ประจำวันของเรา คอลัมน์นี้เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญสำหรับเราในการทำความเข้าใจขนาดและปริมาตร เพราะมนุษย์เรามีระบบความสัมพันธ์บนพื้นฐานของการรับรู้ในแนวดิ่งและขนาด ตัวอย่างเช่น เมื่อเราเติมน้ำลงในแก้ว เราเห็นน้ำขึ้น กระบวนการคิดนี้ถือได้ว่าเป็นธรรมชาติ อุปลักษณ์คือ