ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์

ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์

ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์คำภาษาอังกฤษมาจากคำภาษาละติน scientia ซึ่งหมายถึงความรู้ ในศตวรรษที่ 17 ฟรานซิสเบคอนเป็นนักคิด เพื่อทำหน้าที่เป็นแนวคิดที่แตกต่างผ่านการทดลองหรือสามารถมองเห็นได้โดยธรรมชาติ ตอนนี้ วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าไปมาก มีการทดลองเกิดขึ้นมากมาย สิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติล้วนเป็นสิ่งไม่มีชีวิตและสิ่งมีชีวิต ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ ความหมายทางวิทยาศาสตร์ของชีวิต คือ การหายใจ การกิน การเจริญ การเคลื่อนย้ายคือคน พืช สัตว์ ในทางกลับกัน สิ่งไม่มีชีวิตในวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ไม่มีลมหายใจ ไม่มีรส ไม่มีอาหาร ไม่มีการเคลื่อนไหว: ภูเขา แม่น้ำ ลำธาร หิน ดิน ฯลฯ

ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท

คือ สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น ในวิทยาศาสตร์ ว่ากันว่าสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ได้แก่ ภูเขา ต้นไม้ชนิดต่างๆ ดิน น้ำ และอื่นๆ สถานที่ที่มนุษย์สร้างขึ้น ได้แก่ บ้าน อาคาร ถนน โครงสร้างพื้นฐาน ฯลฯ การสร้างมนุษย์ทุกคนมีวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง วิทยาศาสตร์เป็นส่วนสำคัญของความหลากหลายทางสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศคือความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับแหล่งที่อยู่อาศัย และสิ่งไม่มีชีวิต สิ่งต่างๆ ในสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ ได้แก่ ผู้ผลิต ผู้บริโภค ผู้ผลิต เป็นต้น สิ่งไม่มีชีวิตในวิทยาศาสตร์เป็นอนินทรีย์ รวมทั้งไนโตรเจน คาร์บอนไดออกไซด์ ออกซิเจน น้ำ และคาร์บอน ภาษาอังกฤษอินทรีย์คือโปรตีน ความร้อน แสง ความเป็นกรด ด่าง ฯลฯ ทุกสิ่งบนโลกใบนี้มีวิทยาศาสตร์เกี่ยวข้อง

คำจำกัดความของ ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์

เป็นสาขาวิชาที่ศึกษาโลกและสิ่งแวดล้อม (เรียกว่า ธรรมชาติ) จากมุมมองทางกายภาพ วิทยาศาสตร์ธรรมชาติเป็นรากฐานของวิทยาศาสตร์ประยุกต์ โดยรวมแล้ววิทยาศาสตร์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์ประยุกต์นั้นแตกต่างจากสังคมศาสตร์ ในสาขามนุษยศาสตร์ เทววิทยา หรือศิลปะ คณิตศาสตร์ไม่ได้จัดเป็นวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ แต่ได้มีการพัฒนาเครื่องมือและวิธีการที่ใช้ในวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ วิทยาศาสตร์ธรรมชาติมีจุดมุ่งหมายเพื่ออธิบายว่าโลกทำงานอย่างไรและกระบวนการทางธรรมชาติ

ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ แทนที่จะใช้คำจำกัดความตามเทพ คำว่าวิทยาศาสตร์ธรรมชาติยังใช้เพื่อแยกแยะ “วิทยาศาสตร์” เป็นสาขาวิชาที่ใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ห่างไกลจากปรัชญาธรรมชาติ พร้อมกับความหมายดั้งเดิมของคำว่า “วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ” ถูกนำมาใช้ในลักษณะที่ใกล้เคียงกับคำจำกัดความของคำว่า ในแง่นี้ “วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ” จะถูกนำมาใช้แทนคำศัพท์ทางวิทยาศาสตร์ที่มีความสนใจในกระบวนการทางชีววิทยา ตรงกันข้ามกับวิทยาศาสตร์กายภาพพิจารณากฎพื้นฐานของธรรมชาติในฟิสิกส์และเคมี

คุณค่าของ ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์

  • ช่วยให้เด็กมองเห็นผ่านประสบการณ์ของพวกเขา หาคำตอบด้วยตัวเอง
  • ช่วยให้เด็กได้รับประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์
  • ช่วยให้เด็กเข้าใจถึงประโยชน์และคุณค่าของสิ่งแวดล้อม
  • ช่วยให้เด็กใช้เวลาว่างอย่างมีประสิทธิผล
  • ช่วยให้เด็กคิดเอง ทางเลือกของกิจกรรมต่างๆ เช่น ความพอใจ
  • ช่วยให้เด็กทำงานกับส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาทักษะยนต์
  • ช่วยให้เด็กมีความกระตือรือร้น ความอยากรู้อยากเห็นตอบสนองความต้องการตามธรรมชาติของเด็ก
  • ช่วยพัฒนาความสามารถทางร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา
  • ช่วยให้พบกับธรรมชาติ ตามวัยของเด็ก
  • ช่วยให้เด็กเป็นนักคิด นักสำรวจ นักวิจัย ส่งเสริมให้เด็กได้สัมผัสและทำเอง

ความสำคัญของ ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์

วิทยาศาสตร์มีบทบาทสำคัญมากในชีวิตมนุษย์ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เป็นกระบวนการสำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาความคิด ความคิดทั้งสองนี้มีเหตุผล ความคิดสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การมีทักษะที่จำเป็นและการวิเคราะห์ความรู้ มีความสามารถในการแก้ปัญหาขององค์กร สามารถตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลและความรู้ต่างๆ จากมุมมองของ ช่วยให้เข้าใจโครงสร้างและเทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างขึ้นได้ดีขึ้น รวมถึงการนำความรู้ไปใช้ในทางที่สร้างสรรค์ ตรรกะ และพฤติกรรม การใช้ บำรุงรักษา และพัฒนาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอย่างเท่าเทียมและยั่งยืน ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์